• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 

📢งานทดสอบความหนาแน่นของชั้นดิน✨ การทดสอบความหนาแน่นของดินในสนาม✅

Started by Cindy700, Jul 17, 2024, 06:18 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

การตรวจสอบความหนาแน่นของดินในสนาม เพื่อเปรียบเทียบกับความหนาแน่นที่ได้จากการทดสอบในห้องแล็บ จุดประสงค์ของการทดสอบ เพื่อประเมินความหนาแน่นของดินในสนาม ว่าภายหลังการบดอัดพื้นที่ด้วยเครื่องมือต่างๆ นั้นพื้นที่นั้นมีความหนาแน่นสามารถรับน้ำหนักได้ตามข้อกำหนดที่คำนวณไว้หรือไม่

โดยทั่วไปการทดสอบหาค่าความหนาแน่นแห้งของดิน คือ การหาค่าความหนาแน่นเปียกและปริมาณความชื้นในดิน ในการทดสอบหาค่าความหนาแน่นของดินในสนาม (Field Density) จะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี คือ

✨✨✨1. วิธีกรวยทรายวิธีนี้อาศัยทรายช่วยในการหาปริมาตรของหลุมโดยทรายที่ใช้คือ ทราย Ottawa Sand ซึ่งขนาดของเม็ดทรายจะมีลักษณะกลมและเท่ากัน หรือจะใช้ทรายที่ผ่านการร่อนตามมาตรฐาน เพื่อให้ผลที่สม่ำเสมอและไม่แยกตัวขณะทดสอบ
🛒🛒🛒2. วิธีลูกโป่งยางวิธีนี้ใช้น้ำในการหาปริมาตรของหลุม ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่าวิธีแรก ในการทดสอบต้องอาศัยลมจากลูกบอลบีบอัดลงไปตรงส่วนบนของผิวน้ำในหลอดแก้วของเครื่องมือเพื่อทำให้น้ำในหลอดแก้วถูกดันออกไปในลูกโป่งยางและไหลลงไปในหลุมทดสอบที่ขุดเอาไว้ใต้ Base Plate ลมช่วยให้น้ำในลูกโป่งแนบสนิทกับก้นหลุมและได้ค่าปริมาตรที่แม่นยำ
✅✅✅3. Nuclear Methodเป็นการหาค่าความหนาแน่นของดินและปริมาณความชื้นของดินบดอัดแห้ง หาความหนาแน่นเปียกของดิน โดยใช้รังสีแกมม่า (Gamma Ray)ส่งผ่านดินที่ต้องการ ก่อนที่จะไปเข้าเครื่องรับรังสี ถ้ารังสีสะท้อนกลับไปเครื่องรับมาก แสดงว่าดินมีความหนาแน่นสูง ส่วนการหาปริมาณความชื้นโดยใช้นิวตรอนส่งผ่านเข้าไปในดินและสะท้อนไปยังเครื่องรับช้าแสดงว่าปริมาณน้ำในมวลดินมีมาก วิธีนี้สะดวกและรวดเร็วแต่ค่าใช้จ่ายสูง
📌✨🦖🦖
Quoteบริการ Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Soil Test บริการ Soil Boring Test วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 เว็บไซต์: เจาะสำรวจดิน.com
🦖🦖✨👉
การก่อสร้างถนน สนามบิน เขื่อนดิน พื้นที่โรงงานต่างๆ จะต้องบดอัดด้วยเครื่องมือเฉพาะตามชนิดของวัสดุ หลังจากบดอัดได้ที่แล้วก็จะต้องมีการตรวจสอบผลของการบดอัดนั้นว่ามีความแน่นสามารถรับน้ำหนักได้ตามข้อกำหนดที่ได้ออกแบบคำนวณไว้หรือไม่ เช่น ชั้นรองพื้นทางต้องบดอัด 100% งานชั้นดินเดิม และดินถมจะต้องบดอัดให้ได้ 95% การบดอัดต้องควบคุมความชื้นและพลังงาน ถ้าบดอัดมากไปจะสิ้นเปลือง แต่ถ้าบดอัดน้อยไปจะไม่ถึงความแน่นที่ต้องการ

การการประเมินความหนาแน่นของดิน คือ หาน้ำหนักของดินที่บดอัดแล้วหารด้วยปริมาตรของหลุม และการที่จะหาปริมาตรของหลุมที่กล่าวนี้ จำเป็นจะต้องใช้วัสดุที่มีความหนาแน่นและความถ่วงจำเพาะที่แน่นอนในการแทนที่ ซึ่งการทดสอบดังกล่าวอาจกระทำได้โดยวิธีใช้ทรายมาตรฐาน (Sand Cone Method) ช่วยในการทดสอบหรือใช้น้ำ (Balloon Density Method) ทั้งสองวิธีนี้ต่างก็อาศัยหลักอันเดียวกัน

✅✅✅ขั้นตอนการทดสอบ Field Density Test🎯🎯🎯

🥇🛒📌1. ปรับพื้นผิวทดสอบให้เรียบขนาด 450×450 เซนติเมตร จากนั้นก็วางแผ่นฐานรองและตอกตะปูยึดให้แน่น ปัดฝุ่นที่ผิวดินและแผ่นฐานออก
🦖🎯✅2. ใช้สกัด เจาะดินบริเวณตรงกลางแผ่นฐานรองให้มีความลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร และก้นหลุมที่เจาะจะต้องมีขนาดเท่ากับปากหลุมเจาะดินที่ขุดจากหลุมจะต้องเก็บให้หมดโดยใช้ช้อนเล็กตัก ใช้แปรงปัดเศษดินในกรณีเหลือดินน้อย
⚡✨🥇3. นำดินที่ขุดมาชั่งและบันทึกค่า แล้วนำดินส่วนหนึ่งไปหาค่าความชื้น
🛒📌🦖4. ทำการคว่ำกรวยทรายที่เตรียมไว้แล้วลงบนปากหลุมโดยให้กรวยทรายพอดีกับแผ่นฐานรองแล้วเปิดวาล์ว ระวังอย่าให้เกิดการกระทบกระเทือนในขณะปล่อยทรายลงหลุม เพราะจะทาให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
⚡✨🥇5. สังเกตว่าเมื่อทรายที่ปล่อยลงหลุมหยุดไหลแล้ว ก็ทำการปิดวาล์วแล้วนำทรายที่เหลืออยู่ในกรวยไปชั่งน้ำหนักพร้อมกับกรวยทรายและจดบันทึกค่าไว้
✨🥇🛒6. นำทรายที่อยู่ในหลุมใส่ลงในกระป๋องเก็บทรายตามเดิมโดยพยามอย่าให้มีดินที่อยู่ในก้นหลุมติดทรายขึ้นมาด้วย เพราะว่าทรายที่เก็บขึ้นมาจะต้องทดสอบในหลุมอื่นๆ อีกต่อไป
Tags : Soil Test ราคา